ก่อนอื่นจะขอกล่าวถึงความเป็นมา
ของการสักยันต์ให้ได้ทราบกันก่อนนะครับ
การสักยันต์นั้นมีมาตั้งแต่ก่อนอาณาจักรสุโขทัย โดยต้นแบบน่าจะมาจากขอม
เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว เพราะอักขระและลวดลายที่ใช้สักกันนั้นเป็นแบบอักษรขอม
และใช้ภาษาบาลีเป็นส่วนใหญ่
ส่วนในประเทศไทยการสักสืบทอดกันมาแต่โบราณ
ตั้งแต่ในอดีตข้าราชการของไทย จะทำตำหนิที่ข้อมือคนในบังคับซึ่งเป็นหน้าที่ของแผนกทะเบียนเป็นผู้บันทึกและรวบรวมสถิติชาย
สันนิษฐานว่า การทำเครื่องหมายลงบนร่างกายนี้อาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
แม้ว่าการสักยันต์ในประเทศไทยจะมีมาแต่โบราณ
แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนนัก จะมีมักจะปรากฏหลักฐานอ้างอิงจากวรรณคดีเรื่อง
"ขุนช้างขุนแผน" และวรรณกรรมอื่น ๆ
โดยเชื่อมโยงกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่าง ๆ
ช่วยให้จิตใจมีความมั่นคง ซึ่งการสักยันต์เพื่อหวังผลทางไสยศาสตร์จะแบ่งออกเป็น 2
ชนิด คือ เพื่อผลทางเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี
ส่วนการสักยันต์ของ อาจารย์เอก บุญฤทธิ์ นั้นท่านมีวิชาด้านการสักยันต์ ตามขั้นตอนแบบพ่อครูยุคแรกๆ คือเน้นพิธีกรรมแบบดั้งเดิม. วิชาเหล่านี้ท่านแตกฉานมาก ประสบการณ์มากมายมากในกลุ่มคนหลายอาชีพ
ค่าขันครูแพงมากแต่ขอบอกว่าของท่านดีและแรงมาก เน้นลุ่มหลงเสน่ห์ แต่ถ้าไม่ค่อยแพงก็มีนะหลักพัน แต่เป็นเมตตามหานิยม ต่างจากเสน่ห์แรงมาก
วิชานี้ท่านจะไม่ค่อยให้ใคร แต่ก็มีคนที่ได้ไปนะครับ
ไม่สวยแต่หนุ่มๆหลงทุ่มเงินทุ่มทอง ถามอาจารย์เอก บุญฤทธิ์
ได้ครับเรื่องนี้หรือจะถามกับลูกศิษย์ท่านได้ ฮือฮามากๆ
การสักยันต์ จึงถือเป็นวิธีการอีกรูปแบบหนึ่งของการทำให้บุคคลอื่นนิยมชมชอบ ลุ่มหลง เนื่องจากจะติดตัวผู้ที่ทำตลอดไป แต่ต้องมีการเสริมเพิ่มเติมทุกปี เพื่อเพิ่มเติมความแรง ความขลัง
สำหรับการทำให้รักลุ่มหลงโดยการสักยันต์นั้น สำหรับบางท่านที่ต้องการให้ติดตัว เพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น โดยอาจจะทำควบคู่ไปกับการทำพิธีกรรมร่วมด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มความแรงอีกทางหนึ่ง
ผมจะให้ดูรูปส่วนหนึ่งของการทำให้รักลุ่มหลงโดยการสักยันต์ สักเล็กน้อยนะครับ.
เผื่อท่านที่สนใจก็ขอนัดวันเพื่อขอพบอาจารย์ท่านนะครับ
ขอให้ทุกท่านได้ของดีจากท่านนะครับ.
ท่านใดสนใจติดต่อ